Chrome รองรับพาสคีย์ในพวงกุญแจ iCloud ตั้งแต่ Chrome เวอร์ชัน 118 บน macOS 13.5 ขึ้นไป
พาสคีย์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าและใช้งานง่ายกว่าเมื่อเทียบกับรหัสผ่าน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้แอปและเว็บไซต์ได้ด้วยการปลดล็อกหน้าจออุปกรณ์ด้วยเซ็นเซอร์ข้อมูลไบโอเมตริก (เช่น การจดจำลายนิ้วมือหรือใบหน้า), PIN หรือรูปแบบ พาสคีย์ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องจำและจัดการรหัสผ่านอีกต่อไป Chrome รองรับพาสคีย์ในระบบปฏิบัติการหลายระบบอยู่แล้ว
จนถึงวันนี้พาสคีย์ที่สร้างใน macOS จะจัดเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นในโปรไฟล์ Chrome ของผู้ใช้ ระบบไม่ได้ซิงค์ข้อมูลดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ค้นพบได้ก็ตาม

ตั้งแต่ Chrome 118 บน macOS 13.5 ขึ้นไป ผู้ใช้จะมีตัวเลือกในการบันทึกพาสคีย์และใช้พาสคีย์จากพวงกุญแจ iCloud พาสคีย์ที่จัดเก็บไว้ในพวงกุญแจ iCloud จะซิงค์กับระบบนิเวศของ Apple
วิธีที่ Chrome รองรับพวงกุญแจ iCloud
นักพัฒนาแอปไม่จําเป็นต้องทําการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพื่อปรับการใช้งานพาสคีย์ให้สอดคล้องกับพวงกุญแจ iCloud ลักษณะการทํางานของ API ใน Safari และ Chrome ที่มี iCloud Keychain จะเหมือนกัน ผู้ใช้ Chrome 118 ขึ้นไปใน macOS 13.5 ขึ้นไปจะเห็นการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้
การลงทะเบียน
เมื่อสร้างพาสคีย์ใหม่ กล่องโต้ตอบการยืนยันผู้ใช้ระบบของ macOS จะปรากฏขึ้น กล่องโต้ตอบนี้เหมือนกับของ Safari

UI จะแตกต่างกันไปตามวิธีการยืนยันผู้ใช้ที่รองรับในอุปกรณ์ เช่น Apple Watch, Touch ID หรือรหัสผ่านระบบ เมื่อผู้ใช้ยืนยันตัวตนแล้ว ระบบจะสร้างพาสคีย์ใหม่และบันทึกลงในพวงกุญแจ iCloud
พวงกุญแจ iCloud จะซิงค์พาสคีย์ที่บันทึกไว้กับอุปกรณ์ Apple เครื่องอื่นๆ ที่ใช้ macOS, iOS หรือ iPadOS ซึ่งผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี iCloud เดียวกัน เพื่อให้ผู้ใช้ใช้พาสคีย์เพื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์และแอปได้
เบราว์เซอร์อื่นๆ จะใช้พาสคีย์ที่จัดเก็บไว้ในพวงกุญแจ iCloud ได้ด้วย เช่น พาสคีย์ที่สร้างใน Safari จะใช้ได้ใน Chrome บน macOS และในทางกลับกัน
การตรวจสอบสิทธิ์
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์โดยใช้พาสคีย์ที่จัดเก็บไว้ในพวงกุญแจ iCloud ได้ด้วย

โปรดทราบว่าพาสคีย์ที่จัดเก็บไว้ในโปรไฟล์ Chrome ก่อนหน้านี้จะยังคงใช้งานได้ แต่ระบบจะให้ความสำคัญกับพาสคีย์ที่จัดเก็บไว้ในพวงกุญแจ iCloud มากกว่า หากมีเพียงพาสคีย์จากโปรไฟล์ Chrome เท่านั้น ระบบจะใช้พาสคีย์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้

หากมีการขอการตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติของแบบฟอร์ม (UI แบบมีเงื่อนไข) ระบบจะแสดงพาสคีย์จากพวงกุญแจ iCloud เป็นส่วนหนึ่งของคำแนะนำการป้อนข้อความอัตโนมัติหากผู้ใช้ได้ให้สิทธิ์ที่จำเป็นแก่ Chrome หากมีพาสคีย์ที่จัดเก็บไว้ในโปรไฟล์ Chrome ระบบจะแนะนำพาสคีย์เหล่านั้นด้วย

บันทึกพาสคีย์ลงในโปรไฟล์ Chrome
แม้ว่าจะรองรับพวงกุญแจ iCloud แต่ผู้ใช้ก็เลือกบันทึกพาสคีย์ลงในโปรไฟล์ Chrome ได้โดยค่าเริ่มต้น
- ใน Chrome ให้ไปที่
chrome://password-manager/settings
- ปิดปุ่มสลับใช้พาสคีย์ในอุปกรณ์ Apple เพื่อจัดเก็บพาสคีย์ไว้ในโปรไฟล์ Chrome โดยค่าเริ่มต้น

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังยกเลิกกล่องโต้ตอบการยืนยันผู้ใช้ของ macOS และเลือกพวงกุญแจ iCloud หรือโปรไฟล์ Chrome เพื่อบันทึกพาสคีย์ใหม่ได้ด้วย

การแยกแยะต้นทางของพาสคีย์
โปรดทราบว่านักพัฒนาแอปไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพื่อปรับการใช้งานพาสคีย์ให้สอดคล้องกับพวงกุญแจ iCloud ลักษณะการทํางานของ API ระหว่างโปรไฟล์ Chrome กับ iCloud Keychain นั้นเหมือนกันอยู่แล้ว
บุคคลที่เชื่อถือสามารถดูต้นทางของพาสคีย์และแยกแยะได้ว่าพาสคีย์สร้างขึ้นในพวงกุญแจ iCloud หรือในโปรไฟล์ Chrome โดยดูที่ AAGUID (ตัวระบุที่ระบุประเภทของโปรแกรมตรวจสอบสิทธิ์) ในข้อมูลโปรแกรมตรวจสอบสิทธิ์ของข้อมูลเข้าสู่ระบบ
AAGUID ของพาสคีย์ที่สร้างในโปรไฟล์ Chrome คือ
adce0002-35bc-c60a-648b-0b25f1f05503
ในพวงกุญแจ iCloud จะเป็น 00000000-0000-0000-0000-000000000000
ณ เดือนกันยายน 2023 คุณสามารถดู AAGUID ที่รู้จักได้ในที่เก็บ AAGUID ที่รวบรวมข้อมูลจากมวลชน
การเปิดใช้งานพวงกุญแจ iCloud
ผู้ใช้ต้องให้สิทธิ์ Chrome ใช้พวงกุญแจ iCloud ใน macOS เมื่อพยายามใช้ครั้งแรก
หากผู้ใช้พยายามใช้พาสคีย์ในพวงกุญแจ iCloud แต่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ iCloud หรือไม่ได้เปิดใช้การซิงค์พวงกุญแจ iCloud ระบบจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังการตั้งค่าระบบ
